เรามาปลูกผักไว้กินเองกันเถอะ ประหยัดทั้งเงินและยังได้สุขภาพที่ดีจากการกินผักไร้สารพิษที่เราปลูกเองอีกต่างหาก การปลูกผักสวนครัวไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดครับ สำหรับลักษณะบ้านเดี่ยวนั้นส่วนใหญ่จะมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 50 ตาราวา ซึ่งเมื่อปลูกบ้านแล้ว
มีเนื้อที่ปลูกผักสวนครัวได้ประมาณ 50-100 ตารางเมตร ลักษณะการปลูกผักสวนครัวในที่อยู่อาศัยที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวนั้นมีทางเลือกค่อนข้างมากกว่าที่อยู่อาศัยประเภทอื่นๆ
ซึ่งการเลือกทางเลือกใดก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
หรืออาจจะนำเอาหลายๆ รูปแบบมาประยุคต์เข้าด้วยกันก็ได้ ทางที่ดีน่าจะหยั่งเสียงกันในครอบครัวก่อนว่าชอบรูปแบบใด ซึ่งเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตยและความสามัคคีในครอบครัวด้วย
นอกจากนี้ยังทำให้คนในครอบครัวทุกคนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของสวนครัวที่ได้เลือกขึ้นมาด้วยการดูแลรักษา
จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนในครอบครัว
ซึ่งนับว่าเป็นผลดีทางอ้อมของการทำสวนครัวในบ้าน รูปแบบการปลูกผักสวนครัวในบ้านเดี่ยว มีทางเลือกหลายแบบดังต่อไปนี้
เมื่อต้องการจัดตกแต่งใหม่......เน้นผักที่ไม่ต้องการดูแลมากนัก หรือผักที่ต้องการร่มเงาเพราะอาจจะปลูกไว้ใต้ร่มเงาบริเวณบ้าน เช่น โหระพา กะเพรา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บางบ้านเทคอนกรีตบริเวณบ้านทั้งหมดจนไม่มีพื้นที่เพียงพอจะปลูกพืชผักสวนครัว หรือต้องการปลูกพืชผักสวนครัวแบบประหยัดเนื้อที่โดยเอาพื้นที่ด้านล่างปลูกไม้อื่นที่ต้องการร่มเงา เช่น หน้าวัว เฟิร์น หรือปลูกผักบางประเภทที่ทนร่มเงา เช่น ชะพลู ขิง กระชาย ขมิ้น ขมิ้นขาว เป็นต้น ซึ่งกรณีนี้อาจยืมแนวความคิดในเรื่องการปลูกสวรครัวลอยฟ้า และการปลูกสวนครัวในพื้นที่จำกัดมาประยุคต์ใช้ด้วยก็ได้
ปลูกริมรั้ว หรือการทำค้างให้ผักเลี้อยเกาะ การปลูกผักประเภทนี้เน้นการปลูกเป็นแถวตามแนวรั้วกินด้ เช่น ตำลึง กระถิน ชะอม ผักหวานบ้าน ถั่วพู เป็นต้น ซึ่งผักประเภทนี้ควรเริ่มปลูกในช่วงต้นฤดูฝน รวมทั้งต้องมีการดูแลรักษาบ้าง เช่นเดียวกับผักสวนครัวประเภทอื่นๆ ไม่ควรปล่อยปละละเลยด้วยเห็นว่าเป็นผักที่ขึ้นง่าย นอกจากนี้เมื่อถึงเวลาอันควรก็ต้องมีการรื้อแปลงทิ้งแล้วปลูกใหม่ เช่น ชะอมควรมีการรื้อแปลงทิ้งทุกๆ 4 ปี แล้วปลูกใหม่เพื่อการเก็บผลผลิตที่ดีกว่า
ปลูกผักลงแปลงปลูก ในกรณีที่มีบริเวณบ้านเพียงพอชนิดผักที่เลือกปลูก ควรเป็นผักอายุสั้นหรือที่เยกกันว่า พืชผักล้มลุก ปลูกหมุนเวียนสลับกันไปหรือปลูกผักหลายชนิดในแปลงเดียวกัน โดยปลูกผักที่มีอายุเก็บเกี่ยวที่แตกต่างกันคละกัน หรือปลูกในแปลงเดียวกันแต่ทยอยปลูกครั้งละ 3-5 ต้น หรือประมาณว่าพอรับประทานได้ในครอบครัวในแต่ละครั้งที่เก็บเกี่ยวเท่ากับว่าชนิดของผักปรับได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่และความต้องการในการบริโภค ซึ่งทำให้มีผักสดเก็บไว้รับประทานได้ทุกวันตลอดปี
... แปลงปลูกผักสวนครัวควรอยู่ด้าเหนือหรือด้านใต้ของตัวบ้านหรือแปลงผักให้หลีกเลี่ยงเงาบ้านทอดทับแปลงผัก การเตรียมแปลงปลูกทำได้ 2 วิธี แล้วแต่การวางแผนการปลูกพืชผักสวนครัวในแต่ละบ้าน
การเตรียมแปลงปลูกแบบธรรมดา ขนาด 1 เมตร และยาว 4 เมตร เพียง 3-4 แปลงก็นับว่าพอ แปลงปลูกแต่ละแปลงควรห่างกันประมาณ 50 เซนติเมตร สำหรับใช้เป็นทงเดิน ขุดดินด้วยจอบพลิกดินลึก 6-8 นิ้ว ตากดินจนแห้งใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ จากนั้นย่อยดินให้มีขนาดเล็กลง ยกแปลงสูงจากระดับพื้นดิน 20-25 เซนติเมตร ขุดเปิดตอนกลางของแต่ละแปลงเป็นร่องกว้าง 1 ฟุต ลึก 6-8 นิ้ว นำเศษไม้ใบหญ้า หรือ ฟางข้าวใส่จนเต็มอัดให้แน่นพอประมาณ จะช่วยระบายน้ำเก็บความชื่นได้ดียิ่งขึ้น ย่อยดินปลับผิวแปลงให้เรียบ ใส่ปูนขาว 3-5 กิโลกรัม และปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 4-5 บุ้งกี๋ คลุกเคล้าให้เข้ากันเกลี่ยปลับผิวแปลงให้เรียบอีครั้ง
สวนครัวกระดาษ การเตรียมแปลงปลูกแบบนี้เป็นการนำเอาทรัพยากรมาหมุนเวียนให้เป็นประโยชน์ เป็นแนวความคิดของกลุ่มผู้ปลูกผักสวนครัวย่านชานเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งดัดแปลงมาจากงานวิจัยในการปลูกผักแบบใช้น้ำน้อย เริ่มตั้งแต่การเลือกสถานที่ทำแปลงให้ใกล้ครัวมากที่สุด เพื่อความสะดวกในการเก็บผลผลิตเมื่อขาดอะไรก็เดินเข้าไปเก็บมาใช้ได้เลย กำหนดขนาดที่เหมาะสมทำได้ตั้งแต่ 2-3 ตารางเมตร ไปจนถึง 25 ตารางเมตร รูปทรงไม่จำกัดเพียงแต่ให้มีพื้นที่รอบๆ แปลง ให้เดินเข้าไปได้ ตัดหญ้าให้เรียบติดดิน เอาปุ๋ยคอกมาโรยให้ทั่วแปลงหนาประมาณ 1 นิ้ว แล้วรดน้ำให้ชุ่ม ปูกระดาษหนังสือพิมพ์ หรือกล่องกระดาษทับบนปุ๋ยคอก โดยให้ซ้อนทับกันอย่าให้มีช่องว่าง ถ้าใช้กระดาษหนังสือพิมพ์จะทนกว่าแต่ต้องปูให้หนา ถ้าใช้กล่องกระดาษอย่างหนาปูชั้นเดียวก็พอ นำอิฐมาเรียงตามขอบแปลง ทับลงบนกระดาษให้ชายกระดาษล้ำออกมาประมาณ 20 เซนติเมตร เสร็จแล้วรดน้ำให้ชุ่มบนชั้นกระดาษนำแกลบมาโรยหนาประมาณ 1 คืบแล้วรดน้ำอีกที หลังจากนั้นจะใช้วิธีย้ายกล้ามาปลูก หรือหยอดเมล็ดก็ทำคล้ายกัน คือ แหวกแกลบลงไปเป็นหลุมจนถึงกระดาษ ใช้มีดกรีดกระดาษให้เปิดออกแล้วขุดงไปในชั้นดินให้เป็นหลุมเล็กๆ พอปลูกได้ ถ้าดินยังไม่ดีให้หาดินร่วนมากรอกใส่หลุม จะช่วยให้กล้าผักมีดินสำหรับยึดรากในช่วงตั้งตัว วัสดุแต่ละชิ้นมีหน้าที่ของมัน ปุ๋ยคอกเป็นตัวให้ธาตุอาหาร.. ..และมีจุลินทรียืทำงานอย่างแข็งขัน กระดาษเป็นตัวสกัดการเจริยเติบโตของวัชพืช ดังนั้นจึงต้องปูให้หนาเพื่อที่วัชพืชจะได้ไม่ได้รับแสงแดด อิฐเป็นตัวสกัดไม่ให้วัชพืชจากภายนอกรุกล้ำเข้ามาในแปลง แกลบและกระดาจะเป็นตัวเก็บความชื้นในดิน ดังนั้นในฤดูฝนแทบไม่ต้องรดน้ำ จะรดบ้างในฤดูร้อน 5-7 วันครั้งก็ยังได้ แกลบและกระดาษจะย่อยสลายเป้นหน้าดินภายในปีเดียว
... เมื่อผ่านขั้นตอนการเตรียมแปลงปลูกเรียบร้อยแล้ว ก่อนลงมือปลูกควรทดสอบเปอร์เซนต์การงอกของเมล็ดผักเสียก่อน เพื่อที่จะได้รูว่าเมล็ดพันธุที่ซื้อมานั้นดีหรือไม่เมื่อลงทุนลงแรงปลูกไปแล้วจะได้ไม่เสียแรงปล่า โดยการนำเมล็ดจำนวน 100 เมล็ด เพาระในกระดาษทิชชชู รดน้ำให้ชุ่ม 2 คืน เปิดกระดาษนับเมล็ดที่งอก ถ้ามีอัตราร้อยละ 80 ขึ้นไปนับว่าใช้ได้ นำเมล็ดหว่านลงในแปลงที่เตรียมไว้ อย่าให้หนาแน่นจนเกินไปทั่วทั้งแปลง หรือใช้วิธีหยอดหลุม หลุมละ 3-5 เมล็ด ระยะปลูก 5 x 10 เซนติเมตร กลบด้วยฟางข้าวบางๆทั่วทั้งแปลง หลังเมล็ดงอกแล้ว 10 วัน ถอนแยกต้นที่หนาแน่นเกินไปออก ส่วนในวิธีการหยอดเมล็ดนั้นให้ถอนเหลือ 2 ต้นต่อหลุม
... เมื่อพบว่ามีมด หรือแมลงเข้ามารบกวนกัดกินเมล็ดให้ราดด้วยน้ำหน่อไม้ดองผสมกับน้ำอย่างเข้มข้น สัปดาห์แรกใส่ปุ๋ยยูเรียอัตรา 4 ช้อนแกงต่อน้ำ 1 ปี๊บ รดให้ทั่วแปลง และย่างเข้าสัปดาห์ที่ 4 ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 โดยใส่ปุ๋ย 15-15-15 ในอัตรา 3-4 ช้อนแกงต่อแปลงหลังจากกำจัดวัชพืชแล้ว โรยปุ๋ยห่างจากโคนต้นเล็กน้อยรดน้ำตามทันที หมั่นสำรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบแมลงศัตรูระบาดให้จับทำลายทิ้ง ถ้าหากมีการระบาดรุนแรง ให้ฉีดยาพ่นด้วยสารสกัดที่ได้จากเมล็ดสะเดา ข่าแก่ และตะไคร้หอม ในอัตราส่วนผสม 1 กิโลกัม บดให้ละเอียดแช่น้ำ 1 ปี๊บ หมักทิ้งไว้ 1 คืน กรองเอาแต่น้ำเจือจางด้วยน้ำอีก 1-2 ปี๊บ ฉีดพ่นตอนเย็นทุกๆ 3 วัน 2-3 ครังจะช่วยกำจัดหนอนผีเสื้อ เพลี้ยจั๊กจั่น เพลี้ยอ่อน อมลงวัน และด้วงปีกแข็งบางชนิด ภายหลังการเก็บเกี่ยวให้ขุดพลิกดินเพื่อทำลายศัตรูพืชที่อาศัยอยู่ในดิน 1-2 สัปดาห์
หมายเหตุ ไม่ควรปลูกพืชชนิดเดียวกันซ้ำที่เดิม
Post : ปลูกผักสวนครัวในบ้านเดี่ยวไว้กินเอง
Link Post :http://ปลูกผักสวนครัว.blogspot.com/2012/01/growing-vegetables-in-home.html
ที่มา : Oknation.net/blog